หาไรก้เจอจ้า

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เสียบปลั๊ก Notebook‏ แบบไหนดี

เรื่องนี้เป็นทิปสั้นๆ แต่..ทิปสั้นๆ นี้ ผมเชื่อว่ามีใครหลายยคนที่ไม่เคยรู้มาก่อน ประมาณว่า จริงเหรอ? ใช่เหรอ?

ในช่วงแรกๆ ที่ผมใช้โน้ตบุ๊กก็อาการเดียวกับหลายๆ ท่าน เวลาจะเสียบปลั๊กก็เสียบตัวอะแดปเตอร์เข้ากับตัวเครื่องก่อน (จริงๆ มันน่าจะถูกนะ) แล้วก็เอาปลั๊กอีกด้านไปเสียบกับเต้ารับของที่บ้าน หรือที่ทำงาน โดยหลักความเป็นจริงแล้ว มันจะควรจะทำแบบนี้ใช่มั้ย?

คิดว่าหลายคนคิดเหมือนผม ปัญหาที่ผมเจอเมื่อทำแบบนี้กับโน้ตบุ๊กแทบทุกรุ่นที่ผ่านมา ก็คือมันมีไฟแลปออกมาจากตัวปลั๊ก เหมือนเกิดการสปาร์คขึ้น เสียบกี่ครั้งก็เกิดอาการแบบนี้ จนพาลคิดไปว่าพวกอะแดปเตอร์โน้ตบุ๊กมันไม่ค่อยดีมั้ง ผมก็หาวิธีแก้ไขบ้าง

เพื่อนหลายคนใช้วิธีเด็ดกว่านี้ครับ คือซื้อปลั๊กที่มีสวิทซ์เปิดปิดมาเลย วิธีการที่เขาทำก็คือ เสียบปลั๊กทุกๆ อย่างให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเปิดสวิทซ์ที่ปลั๊ก เอ้ออ.. ไอเดียดีเนาะว่ามั้ย แต่จนแล้วจนรอด ผมเอ๊ะใจขึ้นมา เลยเปิดคู่มือโน้ตบุ๊กที่ผมเพิ่งได้มาใหม่ดู นั่งอ่านสักพัก ก็ถึง บ้างอ้อ จนได้ว่า สิ่งที่เราทำมานั้น ไม่ถูกต้องเลยครับ

มิน่า เสียบยี่ห้อไหน ก็ไฟแลบตะแลบแป๊บหมด.. พาลเอาใจหายว่าไฟจะช็อตได้

ต่อไปนี้ตั้งใจอ่านให้ดีดีนะครับ ในคู่มือเขาบอกไว้ชัดเจนเลยครับว่า วิธีการเสียบปลั๊กอะแดปเตอร์ของโน้ตบุ๊ก ที่ถูกต้องก็คือ ให้เราเสียบปลั๊กเข้ากับเต้ารับที่บ้านหรือที่ทำงานก่อนครับ จากนั้นค่อยเอาปลายอีกด้านที่เหลือมาเสียบเข้ากับโน้ตบุ๊ก อันนี้คือวิธีที่ถูกต้อง

ผมเลยลองดูซะเลยครับ ปรากฏว่าอาการไฟแลบหรืออาการสปาร์คนั้นไม่มีเกิดขึ้นเลย โอ้! นี่แหละหนาาา..นิสัยไม่ชอบอ่านคู่มือ หลังจากนั้นมาผมก็พยายามแนะนำเพื่อนๆ ทุกคนที่เกิดอาการนี้ทั้งหมด ทุกรายแฮปปี้ดีแทคมากๆ ผมเชื่อว่าหลายคนยังไม่ทราบครับ ใครที่ทราบแล้วก็ฝากบอกต่อเพื่อนๆ ด้วยนะครับ จะได้เสียบปลั๊กอะแดปเตอร์ได้ถูกต้องเสียที ใครใช้โน้ตบุ๊กอยู่ตอนนี้จะลองทำดูก็ได้นะครับ

ขอเพิ่มเติมด้วยว่า ใช้วิธีเดียวกันนี้กับ ทั้งมือถือ และ PDA ด้วย

thank you from: share.psu.ac.th/blog/tip-ple-tip/1246

7 วิธี เพิ่มความเร็วง่ายๆให้แก่ Notebook สุดรัก

7 วิธี เพิ่มความเร็วง่ายๆให้แก่ Notebook สุดรัก

การทำให้ Notebook ของทุกๆท่านกลับมาตอบสนองได้รวดเร็วดังเดิม เหมือนเพิ่ง Format เครื่องมาใหม่ๆ ไม่มีอืด ไม่มีหน่วง ให้ต้องรำคาญใจกันอีกต่อไป สำหรับ 7 วิธีที่ว่านี้มีอะไรกันบ้างเราไปติดตามชมกันเลยดีกว่าครับ

วิธีที่ 1 เพิ่มแรม เพิ่มความเร็ว !!
สำหรับในส่วนของวิธีแรกนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างจะนิยมกันอย่างแพร่หลาย และผมคิดว่าท่านผู้อ่านเกือบจะทั้งหมดก็คงจะรู้จักวิธีนี้กันเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นผมขอรวบรัดตัดตอนไปพูดกันถึงเรื่องประสิทธิภาพกันเลยจะดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:ก่อนอื่นเรามาเริ่มกันด้วยแนวทางทางทฤษฎีกันก่อนเลยดีกว่าครับ โดยสำหรับทางด้านสรรคุณที่มีการโฆษณากันอยู่ทั่วๆไปนั้น มักจะบอกว่าการเพิ่มแรมสามารถเพิ่มความเร็วให้กับระบบของคุณได้ และนอกจากนี้ยังสามารถที่จะรันโปรแกรมขึ้นมาพร้อมๆกันได้มากกว่าเดิมอีกด้วย

ภาคปฏิบัติ:สำหรับการทดลองประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากการอัพเกรดแรมนั้นพบว่า เวลาในการบูทระบบนั้น ทำเวลาได้ดีขึ้นกว่าเดิมเพียง 1 วินาที สำหรับ Windows XP และ 2 วินาที สำหรับ Windows Vista เท่านั้นจากการเพิ่มแรมเข้าไปอีก 1 GB แต่ความเร็วโดยรวมของระบบหลังจากการเพิ่มแรมนั้น สามารถทำได้อย่างชัดเจนกว่า คือ การเปิดโปรแกรม iTune ใน Windows Vista ก่อนการอัพเกรดแรมนั้นจะอยู่ที่ 29 วินาทีจึงจะพร้อมใช้งาน แต่หลังจากที่เพิ่มแรมเข้าไปอีก 1 GB พบว่าใช้เวลาในการเปิดเพียง 17 วินาที เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีผลการ Test ในด้านของการเปิดโปรแกรมหลายๆโปรแกรมพร้อมๆกันอีกด้วย ซึ่ง แรม 1 GB นั้น สามารถเปิดได้เพียง โปรแกรมสำหรับการ chat 2 โปรแกรม, โปรแกรม Weather Bug และ Google Earth ซึ่งหากเปิดอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่านี้ก็จะเริ่มออกอาการหน่วงให้เห็น นอกจากนี้ยังได้ทดสอบการ Zip Folder ที่มีขนาด 385 MB ซึ่งผลปรากฏว่าใช้เวลาไปทั้งหมด 1 ชั่วโมง 44 นาที พอทดสอบที่ 1 GB เสร็จแล้วเราก็จะมาลุยกันต่อโดยการเพิ่มแรมเข้าไปอีก 1 GB ผลออกมาดังนี้ครับ โดยผลทางด้านการเปิดใช้งานโปรแกรมต่างๆพร้อมกันนั้น สามารถที่จะเปิดโปรแกรมสำหรับการ chat พร้อมกัน 3 ตัว, Weather Bug, Google Earth, iTunes, World in Conflict และ Internet Explorer อีก 2 หน้าต่าง ส่วนผลการทดสอบ Zip นั้น ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที เท่านั้นครับ

วิธีที่ 2 Defrag ง่ายๆ ไม่เสียตังค์

สำหรับวิธีนี้ก็อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นการใช้ tools ที่มากับตัววินโดวส์อยู่แล้ว หรือ tools ประเภทนี้ที่เป็นของยี่ห้ออื่นๆ ในการจัดเรียงข้อมูลบน Harddisk ใหม่ เพื่อให้ระบบสามารถเรียกใช้ข้อมูลต่างๆที่ต้องการได้รวดเร็วขึ้น ส่วนวิธีการเรียกใช้งาน Defragment ของตัว Windows นั้นก็สามารถทำได้ง่ายๆครับ เพียงแค่เลือกไปที่ Start >> All Programs >> Accessories >> System Tools แล้วคลิกเพื่อเปิด Disk Defragmenter จากนั้นก็เริ่มทำการ Defrag กันได้เลยครับ

ภาคทฤษฎี: คำแนะนำในเรื่องของการ Defrag ว่าควรทำบ่อยแค่ไหนนั้น ยังไม่มีผลการทดสอบที่ออกมานำเสนอ หรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญใดๆ ทั้งนี้เพราะว่าการเกิดการ fragment หรือการกระจัดกระจายของข้อมูลบน Harddisk ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น ความถี่ในการใช้งาน หรือ การเพิ่มและลบข้อมูลต่างๆบน Harddisk ซึ่งตรงจุดนี้เอาเป็นว่า Defrag กันอย่างน้อยเดือนละครั้งน่าจะดีที่สุดครับ

ภาคปฏิบัติ:สำหรับการทดสอบบน Windows XP นั้น พบว่าการบูทหลังจากที่ได้ทำการ Defrag ไปนั้น สามารถลดเวลาลงไปได้ถึง 35 วินาที ส่วนบน Windows Vista ใช้เวลาลดลงไป 6 วินาที นอกจากนี้ยังมีการทดสอบอีกแบบนึง โดยการสร้างไฟล์ที่ชื่อว่า “Find Me.txt” ขึ้นมาหลังจากนั้นก็ทำการซ่อนไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของ Harddisk แล้วทำการ Serch ซึ่งผลปรากฏว่าก่อนการ Defrag ใช้เวลา 22 วินาที และหลังจาก Defrag ใช้เวลาเพียงแค่ 6 วินาทีเท่านั้นครับ

วิธีที่ 3 กำจัดโปรแกรมขยะต่างๆให้สิ้นซาก !!

เครื่องคอมพิวเตอร์สมัยนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนๆ ก็มักจะพบกับโปรแกรมขยะต่างๆที่มักจะแฝงตัวมาพร้อมกับโปรแกรมหลักต่างๆที่เราต้องการใช้งาน อาทิ เช่น Google Desktop, Google Tool Bar, Yahoo Tool Bar และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งใครที่เป็นบุคคลประเภท คลิก Next ไปเรื่อยๆ เวลาลงโปรแกรม มักจะมีโปรแกรมเหล่านี้มาแอบอาศัยอยู่ในเครื่องมากมายครับ ฉะนั้น เพื่อความคล่องตัวในการทำงานของตัวเครื่อง เรามากำจัดเหล่ากาฝากพวกนี้ให้สิ้นซากกันดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:ตามลักษณะทั่วไปของโปรแกรมเหล่านี้ มักจะถูกบูทเองโดยอัตโนมัติทันทีที่เราเปิดเครื่องครับ และมักจะทำงานเป็น Back Ground อยู่เงียบๆ แอบกินทรัพยากรโดยเราไม่ได้เรียกใช้งานโปรแกรมเหล่านี้แม้แต่น้อย ซึ่งหากเราปล่อยให้มีโปรแกรมเหล่านี้มากๆเข้า จำนวนพื้นที่ว่างบนแรมที่จะเหลือให้เราใช้งานนั้นก็จะลดลงไปด้วย ทำให้เครื่องใช้งานแรมได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งผลที่ตามมานั่นก็คือ ช้านั่นเองครับ

ภาคปฏิบัติ:สำหรับทางแก้ของเรานั้น เราจะไปทำการดาวน์โหลดโปรแกรมที่มีชื่อว่า PC Decrapifier (www.pcdecrapifier.com) มาใช้ในการตรวจสอบว่าโปรแกรมขยะต่างๆนั้นมีอะไรบ้างและแฝงตัวอยู่ที่ไหนกันบ้าง สุดท้ายเราก็จะอาศัยโปรแกรมเหล่านี้ให้ช่วยกำจัดสิ่งไม่พึงประสงค์ต่างๆเหล่านี้ให้ออกไปจาก Notebook สุดรักของเราอย่างถาวรครับ (ถ้าไม่ไปติดตั้งใหม่) ซึ่งผลจากการ Scan หานั้นพบโปรแกรมต่างๆเหล่านี้ที่ไม่ได้มีการเรียกให้ใช้งานกำลังกินกันอย่างสนุกสนานครับ AIM6.exe (17MB ), Google Desktop Startup (17MB), Google Talk (13MB), iTunesHelper (4MB), and และอื่นๆอีกประมาณ 51MB นอกจากนี้ยังได้ Remove พวก Start-Up โปรแกรมต่างๆไปอีกมากมาย ถือว่าเป็นอีก 1 วิธีที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

วิธีที่ 4 ยกเครื่องให้ฟิต พิชิตจุดบกพร่อง

สำหรับวิธีที่ 4 นี้จะเป็นการอาศัยโปรแกรมที่มีหน้าที่ในการแก้ไข error ต่างๆบนเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ registry หรือ shortcut ต่างๆที่ไม่ปรากฏแล้ว ซึ่งโปรแกรมแนวๆนี้หลายๆท่านอาจจะเคยได้เห็นจากทางเว็บของเรากันบ้างแล้ว คือ http://www.notebookspec.com/2008/08oct-error+notebook.html แต่ในวันนี้ทางเราจะแนะนำโปรแกรมที่มีชื่อว่า iolo System Mechanic 7 (www.iolo.com/sm) สนนราคาอยู่ที่ $49.95 ครับ จะได้ผลลัพธ์ยังไงบ้างเราไปชมกันเลยดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:สำหรับเจ้าตัว iolo System Mechanic 7 นั้นจะแก้ไขปัญหาต่างๆที่คุณอาจจะไม่สามารถทำเองได้ ซึ่งการทำงานหลักๆจะประกอบไปด้วย การซ่อมแซม Short Cut ที่เกิดอาการหาปลายทางไม่เจอ เพื่อให้คอมพิวเตอร์หยุดการค้นหาโปรแกรมต่างๆที่ไม่มี หรือได้ uninstall ไปแล้ว, การซ่อมแซมแก้ไข registry ต่างๆ ที่เกิดความเสียหาย ซึ่งมักเป็นสาเหตุให้เครื่องคอมพิวเตอร์เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เกิดอาการค้าง หรืออาจจะเปิดไม่ติดเลยในบางครั้ง

ภาคปฏิบัติ: สำหรับการทดสอบโดยการรันโปรแกรม iolo System Mechanic 7 บนเครื่อง Notebook เป้าหมายของเราที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows XP แล้วนั้นปรากฏว่าพบ error ของ registry ทั้งหมด 312 จุด นอกจากนี้ยังตรวจพบความเสียหายของตัว Harddisk อีกด้วย, พบ shortcut ที่เสียหายทั้งหมด 77 จุด และมีแรมเหลือให้ใช้งานเพียง 7% ภายหลังจากการซ่อมแซม error ต่างๆโดยโปรแกรม iolo System Mechanic 7 เรียบร้อยแล้ว พบว่า ความเร็วในการ Boot เครื่องสามารถทำเวลาได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 2 วินาที ส่วนการทดสอบบน Windows Vista ปรากฏว่าพบ error ของ registry ทั้งหมด 154 จุด นอกจากนี้ยังตรวจพบความเสียหายของตัว Harddisk อีกด้วย และพบการกระจายตัวของข้อมูลอย่างไม่เป็นระเบียบบน Harddisk คิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 23% ซึ่งหลังจากการซ่อมแซม error ต่างๆโดยโปรแกรม iolo System Mechanic 7 เรียบร้อยแล้ว พบว่า ความเร็วในการ Boot เครื่องสามารถทำเวลาได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 8 วินาที

วิธีที่ 5 ยกเลิกดัชนีค้นหา ลดเวลาเรียกโปรแกรม !!

โดยปกติตั้งแต่ Windows เวอร์ชั่น XP ขึ้นไปนั้น จะมีการเปิดฟังก์ชั่น “Allow Indexing Service to index this disk for fast file searching” ในหน้าของ Disk Properties แบบอัตโนมัติ ซึ่งประโยชน์จากการใช้งานฟังก์ชั่นนี้ก็คือ จะสามารถทำให้ search หาไฟล์ต่างๆที่เราต้องการได้เร็วขึ้น แต่สิ่งที่ต้องแลกมานั่นก็คือการกินทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ซึ่งจะส่งผลกับเครื่องแค่ไหน เราไปชมผลทดสอบกันเลยดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:การ Disable ฟังก์ชั่นการใช้งาน index นี้จะเป็นการยกเลิกการทำดัชนีไฟล์ต่างๆของระบบ ซึ่งค่อนข้างกินทรพยากร และเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ช้าลงไปนั่นเอง ซึ่งถ้าคุณเป็นคนที่หมั่นจัดระเบียบเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว และมักที่จดจำได้ว่าไฟล์ต่างๆที่เราต้องการนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้งานฟังก์ชั่นนี้แต่อย่างไร ซึ่งคุณสามารถปิดฟังก์ชั่นที่ว่านี้ได้โดยการ คลิกขวา Drive ที่ต้องการจะยกเลิก แล้วเลือกไปที่ Properties จากนั้นเมื่อปรากฏหน้าต่าง Disk Properties ขึ้นมาแล้ว ให้ติ๊กเอาเครื่องหมายถูกที่ช่อง “Allow Indexing Service to index this disk for fast file searching” เพียงเท่านี้ก็จะสามารถลดการบริโภคทรัพยากรลงได้แล้วล่ะครับ

ภาคปฏิบัติ: การทดสอบนั้น เราจะทำการทดสอบโดยใช้งาน Windows Vista ที่มีแรมขนาด 1 GB จากนั้นเรียกใช้งานโปรแกรมที่มีชื่อว่า World of Conflict แล้วจับเวลาตั้งแต่เริ่ม Boot จนกระทั่งเสร็จสิ้น ทั้งก่อนและหลังการยกเลิกฟังก์ชั่น index นี้ ผลปรากฏว่าเวลาสามารถทำเวลาในการ Boot ได้เร็วขึ้นถึง 10 วินาทีด้วยกันครับ

วิธีที่ 6 กำจัด Spyware กาฝากบ่อนทำลาย !!

ผมคิดว่าหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ Spyware กันมาบ้างแล้ว ซึ่งเจ้าตัว Spyware นั้นนอกจากจะมีผลเสียในเรื่องของการแอบขโมยข้อมูลต่างๆแล้ว ยังทำให้เครื่องของเราทำงานช้าลงไปด้วยเนื่องจาก Spyware เหล่านี้เปรียบเสมือนกับโปรแกรมโปรแกรมหนึ่งที่ทำงานอยู่บนเครื่องของเราตลอดเวลา ทำให้ต้องสูญเสียทรัพยากรไปกับเหล่ากาฝากพวกนี้ เห็นอย่างนี้แล้วจะช้าอยู่ทำไม ไปกำจัดกันเลยดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:Spyware นั้นก็คือ โปรแกรมดีๆนี่เอง ซึ่งจะแอบทำงานเป็น Background โดยคุณไม่รู้ตัวนั่นเอง ซึ่งหน้าที่ของเจ้า Spyware ก็คือคอยรายงานพฤติกรรมการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณกลับไปยัง Host ของมัน นอกจากนี้ยังบริโภคทรัพยากรบนเครื่องของคุณไปกับการทำงานที่ไร้สาระนี้อีกด้วย ว่าแล้วเราก็เลยต้องอาศัยพระเอกในวันนี้นั่นก็คือ โปรแกรม Spybot Search & Destroy (www.safer-networking.org/en) เข้ามาช่วยจัดการในการล่าล้างและทำลาย ซึ่งโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมประเภทฟรีแวร์ครับ คุณสามารถโหลดมาใช้งานได้ฟรีๆ แล้วถ้าคุณยิ่งใช้โปรแกรมนี้มากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเจอเหล่ากาฝากประเภทนี้ก็จะลดน้อยลงเท่านั้นครับ ผมข้อแนะนำให้ scan กันอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งครับ

ภาคปฏิบัติ: จากการทดสอบบน Windows Vista แล้วนั้น ตรวจพบปัญหา 233 ข้อ ที่เกิดจากโปรแกรม Spyware15 โปรแกรม ส่วนบน Windows XP นั้น ตรวจพบปัญหา 86 ข้อ ที่เกิดจากโปรแกรม Spyware12 โปรแกรม อย่างไรก็ตามจากการทดสอบประสิทธิภาพแล้วนั้น พบว่าไม่ต่างกันระหว่างก่อนและหลังจากใช้งานโปรแกรมนี้ แต่เราก็ยังอยากจะแนะนำให้คุณใช้งานโปรแกรมเพื่อความปลอดภัยต่อข้อมูลส่วนตัวของคุณครับ

วิธีที่ 7 หยุด Background Service ที่ไม่จำเป็น

Service ต่างๆนั้นจะทำงานอยู่เป็น Background ครับ ซึ่งคล้ายๆกับการทำงานของ Spyware ซึ่งเจ้า Service ต่างๆนั้น ก็จะประกอบไปด้วยการทำงานต่างๆของคอมพิวเตอร์ที่มีทั้งแบบจำเป็นและแบบไม่จำเป็น เช่น การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับ Printer, การตรวจสอบของ Windows update และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่ง Service เหล่านี้จะมีบาง Service ที่มีการทำงานแบบ Automatic คือ เริ่มทำงานตั้งแต่เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเลยทีเดียว ทั้ง Service ที่จำเป็นและไม่จำเป็น ว่าแล้วก็ไปชมวิธีเปิดปิด Service เหล่านี้กันเลยดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:สำหรับการเปิดปิด Service นั้นก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงพิมพ์คำว่า “services.msc” ในช่อง Run ทั้งแบบ Windows XP และแบบ Windows Vista แล้วกด OK (หรือ Enter) ก็จะปรากฏ List ของรายการ Service ต่างๆขึ้นมา จากนั้นเพียงแค่ คลิกขวายังชื่อ Service ที่เราต้องการแก้ไข แล้วเลือกไปที่ Properties สังเกตในส่วนของ Startup Type ให้กำหนดว่าจะเป็นแบบ Manual หรือ Disable ไปเลยก็ได้ ตามแต่ที่ต้องการ ส่วนใครที่ไม่รู้ว่า Service ไหนเป็นอะไรลองไป Search ได้จาก google ครับ ส่วนผมก็จะขอแนะนำตัวอย่าง link ที่รวบรวมคำอธิบาย Service ต่างๆให้ทุกๆท่านได้เอาไปลองวิชากันตาม Link นี้เลยครับ http://premierairs.com/i/index.php?option=com_content&task=view&id=15&Itemid=2

ภาคปฏิบัติ: ผลการทดสอบจากการทดลองปิด Service ต่างๆนั้น เช่น automatic downloads ผลปรากฏว่าการทำงานโดยรวมของระบบเร็วขึ้นกว่าก่อนการปิด Service แบบสังเกตได้ นอกจากนั้นการปิด Service ในส่วนนี้ยังเป็นการเพิ่ม Bandwidth ของอินเตอร์เน็ท ทำให้สามารถdownload ได้เร็วกว่าเดิมอีกด้วยครับ เอาล่ะครับเรียกได้ว่าแบไต๋ กันไปแบบหมดไส้หมดพุงเลยทีเดียว ใครที่ทำครบทั้ง 7 วิธีที่แนะนำไป ผมเชื่อว่าคงจะเร็วขึ้นไม่มากก็น้อยเลยละครับ สำหรับวันนี้ก็คงต้องขอจบการนำเสนอ Tip เด็ดๆแต่เพียงเท่านี้ครับ ยังไงคราวหน้าผมไม่พลาดที่จะนำเอา Tip ดีๆมานำเสนอกันอีกเช่นเคยแน่นอนครับ ยังไงคุณผู้อ่านทั้งหลายก็อย่าพลาดชมกันนะครับ ^^ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

เปิดไดร์ แล้วขึ้น open with


1.อาการนี้น่าจะเป็นเพราะโดนไวรัส น่าจะเจอไวรัส Godzilla แล้วคุณก็ทำการลง Windows ใหม่ คือหลังจากได้กำจัดเจ้าไวรัสไปแล้ว พอจะเปิด Drive ด้วยการ Double Click ก็จะขึ้นหน้าต่างถามว่าจะเปิดด้วยโปรแกรมอะไร(Open With)


สาเหตุคือ Windows สับสนเพราะเคยเปิดด้วยตัวไวรัส เมื่อไม่มีไวรัสแล้วเลยงงนิดหน่อย


สำหรับวิธีแก้ปัญหาข้อนี้มี 2 รูปแบบครับ


-โดยส่วนใหญ่ถ้าขึ้น Open With สาเหตุมักจะเป็นเพราะใน Drive ยังมีไฟล์ Autorun.inf(ไฟล์นะครับไม่ใช่ Folder Autorun.inf ซึ่งเป็นรูปอุลตร้าแมน) ค้างอยู่ ซึ่งใน Code ของ Autorun.inf ระบุให้เปิดจากตัวไวรัสที่โดนลบไปแล้ว เมื่อไม่เจอก็เลยงง ต้องถามว่าแล้วจะให้เปิดกับอะไรล่ะ ถ้ากรณีนี้วิธีแก้ก็ตรงไปตรงมาครับ ลบเจ้าไฟล์(ย้ำว่าไฟล์ไม่ใช่ Folder) Autorun.inf ทิ้งซะ แล้ว Boot เครื่องใหม่ก็เรียบร้อยครับ
-ส่วนการแก้อีกอีกกรณีที่ไม่มีไฟล์ที่ว่า ซึ่งกรณีนี้มักจะไม่ถามแต่เปิดให้กับโปรแกรมอื่นๆเลยเช่น ACDSee หรือ Search สำหรับกรณีนี้วิธีแก้ก็ก็สั้นๆง่ายๆครับ ไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไร เพียงไปที่ Start => Run ในช่อง Open พิมพ์ regsvr32 /i shell32.dll แล้ว OK จะขึ้นข้อความประมาณว่า DLLRegisterServer... Succeeded แสดงว่าความทรงจำของ Windows กลับคืนมาแล้วล่ะครับว่าควรตอบสนองยังไงเมื่อเรา Double Click ที่ Drive ลองทดสอบดูเลยครับ


2.แต่ถ้ามีความจำเป็นเข้า Drive D ให้ใช้วิธีเข้าที่ run ครับ โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์ D:\ แล้วกด Enter ครับ จะเข้าได้
จาก นั้น scan virus ครับ


3.หรือไม่ก็อาจจะเป็นไวรัส flashy.exe


วิธีกำจัด
อาการเบื้องต้นของเครื่องที่ติดไวรัส flashy.exe
ไม่สามารถเรียกใช้ Task Manager, Registry Editor และFolder Option ได้ ไม่ว่าจะเรียกด้วยวิธีใด
เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกกำหนดให้ มีการตั้งรหัสผ่านสำหรับ Admin ทันที ทำให้เราเข้าเครื่องฯไม่ได้ เพราะไม่ทราบรหัสผ่าน
Flashy.exe จะทำการแก้รหัสของเราใหม่ ทำให้ไม่สามารถ Login เข้าเครื่องของเราได้อีกเลย
เมื่อมีการ plug in Flash Drive หรือ Memory Card เข้าไปใน Card Reader แล้ว หากว่า ใน Memory Card นั้นมี Folder อยู่ Folder เหล่านั้นจะถูกเปลี่ยนให้ไปอยู่ใน สถานะ Hidden ทำให้เราไม่สามารถมองเห็น Folder เหล่านั้นได้
ฯลฯ
วิธี กำจัดไวรัส flashy.exe
ขั้นตอนต่างๆ ต้องทำ ใน Safe mode ครับ ถึงจะได้ผล
1. ถ้าเครื่องที่มีอาการหนักจะถูกตั้งรหัสผ่าน Administrator เอาไว้ ให้ทำการแก้ไขโดยพิมพ์ คำว่า hacked เป็นรหัสผ่าน ซึ่งหากไม่รู้วิธีแก้ปัญหาโดยการติดตั้ง Windows ใหม่อย่างเดียว
2. เมื่อเราเข้าวินโดว์ได้แล้วให้เราหยุดการทำงานของมันก่อน โดยกด Ctrl+Alt+Delete จะเข้าสู่ Windows task Manager แล้วเลือกคลิก Flashy.exe แล้วคลิก End Process ตรงมุมขวาด้านล่าง
3. กรณีถ้าเข้า Windows Task Manager ไม่ได้ (ถ้าเข้าได้ให้ข้ามไปข้อ 6) ให้เราเข้าไปแก้ใน registy แต่ไวรัสยังปิดการเข้าใช้งาน Registry เอาไว้อีก ให้ใช้ตัว Unhookexec.inf ปลดล็อคก่อน
โดยดาวน์โหลดได้จากหน้าเว็บ http://www.kku.ac.th/data/services/it/UnHookExec.inf เมื่อโหลดมาแล้วก็คลิกขวา แล้วเลือก Install แต่ถ้าเครื่องไหนที่ติดไวรัส หน้าจอภาษาจีนด้วยต้อง ฆ่าก่อนนะครับไม่อย่างนั้น จะใช้ UnHookExec.inf ไม่ได้ผล
4. จากนั้นก็จะเข้าใช้งานส่วน Registry ได้ครับ เมื่อเข้าได้แล้วก็ไปทำการ แก้ไข Registry ให้เครื่องใช้งาน Task Manager ได้ครับ โดย ไปที่ Start--->Run พิมพ์ regedit กด OK แล้วเข้าไปลบคีย์ตามนี้ครับ
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\system แล้วก็ลบ DisableRedistryTools และ DisableTaskMgr ออกครับ
5. เมื่อลบออกได้แล้วก็ไปทำตาม ข้อ 2 ครับ
6. แล้วตอนนี้มันก็หยุดการทำงานแล้วครับ ต่อไปเราต้องเข้า regedit แล้ว ไปที่ Start--->Run พิมพ์ regedit แล้วเข้าไปลบคีย์ตามนี้ครับ
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer\ ลบ NoFolderOptions
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\Advanced\ ลบ HideFileExt
HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\SharedAccess\ ลบ Start
HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run\ ลบ Flashy.exe
จากนั้นคลิก Start\Programs\Startup\ ลบ SystemID.pif
จาก นั้นคลิก Start--->Run พิมพ์ msconfig ไปที่แถบ startup ยกเลิกติ๊กถูกหน้า systemID
รีสตาร์ทเครื่องใหม่
แล้วลองกด Ctrl+Alt+Delete ดูว่า Flashy.exe ยังมีการทำงานอีกหรือไม่ ถ้าไม่มีแสดงว่าเรียบร้อยแล้ว
ต่อไปการแก้ไขส่วนที่ไวรัสสร้าง ให้เราต้องใส่รหัสทุกครั้ง เวลาจะเปิดเครื่อง






คลิก Start\Control panel\User accounts
เลือก User แรก (Administrator) จะสังเกตุเห็นว่ามีข้อความแสดงว่า มีการใช้รหัสผ่านป้องกันอยู่
ให้คลิ กที่ User แรก (Administrator) แล้วเลือก หัวข้อ Change a password
พิมพ์ รหัสผ่าน Hacked ในช่องแรก ( ช่องรหัสผ่านเดิม) ช่องที่เหลือเว้นว่างไว้
ยืน ยันการเปลี่ยนรหัสผ่าน แล้วลองรีสตาร์ทเครื่องใหม่


หรือ




เข้า Run พิมพ์ regedit แล้วไปตามนี้
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\Winlogon]
แก้สตริงคีย์ตามนี้ครับหากไม่มีก็คลิกขา วเลือก New-->String value
ตามนี้ครับ
"AutoAdminLogon"="1"
"DefaultUserName"=" ชื่อผู้ใช้"
"DefaultPassword"hacked"
** หลังจากทำตามขั้นตอนเสร็จหมดแล้วให้ไปลบตัวไวรัสชื่อ Flashy.exe ใน C:\WINDOWS\system32
ต้องเปิด Show hidden File ก่อนถึงจะเห็น**

แปลง MIDI เป็น MP.3 - WAVE ด้วย Easy-Pro.Midi.Converter.v1.3

ข้อดีของโปแกรม Easy-Pro.Midi.Converter.v1.3 นี้คือ สามารถ แปลงไฟล์สกุล  midi ไปเป็น mp.3 หรือ wave  ได้ง่ายๆ  ปกติโปแกรมทั่วไป ที่ทำงาน ทำนองนี้จะแปลง โดยใช้เสียงจาก sound card ของเครื่องนั้นๆ ซึงเสียงออกมา ก็จะฟังไม่เพราะ แต่โปรแกรมนี้ พิเศษตรงที่ ใช้เสียงจาก sound font ได้เลย คนที่ทำงานด้านเสียงคงพอจะเข้าใจ ยังไงลองศึกษานะครับไม่ยาก ตัวโปรแกรมก็ใช้งานง่ายๆ ตามรูปเลย


1. หน้าโปรแกรม  คลิ๊กที่ add files เพื่อหาไฟล์ midi




































2. ภาพที่สอง คลิ๊กที่ แท๊ป New format settings

















คลิ๊กที่ use sound from soundfont files เลืือก soundfont จากในเครื่องเรา ถ้าใครไม่มี หาโหลดได้ใน Google พิมพ์ แจก soundfont


3. คลิ๊กที่แท๊ป destination เลือก Other folder เพื่อเลือกที่เก็บไฟล์ที่แปลงเสร็จแล้ว แล้วแต่เราจะกำหนด


4. คลิ๊กที่แท๊ป files เพื่อกลับมาหน้าแรกของโปรแกรม เพื่อเลือก ว่าจะแปลง midi เป็นอะไร ในที่นี้ตรง New format เลือก mp.3  แล้วก็กด Convert รอโปรแกรมทำงานตามรูป


















5. เมื่อเสร็จให้เรา กด Ok ตัวไฟล์ที่แปลงก็จะไปอยู่ที่โฟล์เดอร์ที่เราตั้งไว้



7. นี่คือโฟลเดอร์ที่เราเลือกไว้ แล้วแต่ว่าเราตั้งไว้ที่ไหน สีดำๆที่คลิ๊กไว้นั้น คือไฟล์ mp.3 ที่แปลงจาก midifile สกุล .kar


















ก็เป็นอันเสร็จละ ตัวโปรแกรมไม่ซับซ้อนครับ เมนูใช้งานง่าย เดาๆก็ทำได้ ใครไม่เข้าใจ หรือใครที่มีสิ่งใดเพิ่มเติม แนะนำได้นะครับ วันนี้พอละ ง่วงมากเลยครับ ตัวโปแกรม พร้อม ยาแก้ไอ ลองหานะครับ ถ้าไม่ได้ยังไง หลังไมค์ครับ ทิ้งเมล์ไว้

ออนเอ็ม เป้น 10 เมล์ ของเก่าเล่าใหม่

msnegg.v0.1.0.2 คือโปรแกรมเสริม ที่ทำให้คนที่ชอบ เล่น MSN เป็นชีวิตจิตใจ สามารถ ออนเอ็มได้หลายเมล์ในพร้อมๆกัน อย่างผู้เขียนนึกสนุกก็ออนที ครั้งละ 8 เมล์เป็นอย่างต่ำ MSN เวอร์ชั่น 9.5 ที่ผู้เขียนใช้อยู่ก็สามารถใช้ได้ ยังไงลองใช้นะครับ 


DOWNLOAD :  http://www.msnegg.net/download.php


โหลดมาแล้วแตกไฟล์ ไว้ที่ไหนก็ได้ครับ แล้ว สร้าง short cut 
ตัวโปแกรมไว้หน้าจอ ก็ใช้ได้แล้ว ลองนะครับ สนุกๆ
เมื่อแตกแล้วจะได้แบบนี้ 



PhotoEQ_1.0 โปรแกรมแต่งภาพง่ายๆ

วันนี้จะแนะนำโปแกรมแต่งภาพง่ายๆ ที่คุณก็แต่งได้ ด้วยฟังชั่นที่ง่ายๆ นั่นคือ PhotoEQ_1.0 
เครื่องมือการทำงานเดาการใช้งานได้ไม่ยากครับ เหมาะสำหรับมือใหม่ ลองใช้งานดูนะครับ 



เมนูสามารถปรับแต่งได้อิสระเลย คล้ายเราปรับ EQ ของโปรแกรมเล่นเพลงนะครับ ยังไงลองเล่นดูนะ
ตัวโปแกรมหาไม่ยากนะครับ ใน กลูเกิ้ลเยอะแยะครับ